พื้นฐานคณิตศาสตร์ที่ต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และต่อยอดการเรียนในห้องเรียนของเด็ก ๆ มีหลายรูปแบบ แต่ที่หนีไม่พ้น และมีโอกาสใช้ได้จริงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นการ “เทคนิคการบวกลบเลข” แต่ด้วยเป็นเรื่องของตัวเลข การปล่อยให้เด็กเรียนรู้เองในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวอาจจะยากเกินไป วันนี้เราจึงมีเทคนิคการบวกลบตัวเลขสำหรับเด็ก และตัวอย่างโจทย์ตัวอย่าง และโจทย์แบบฝึกหัดสั้น ๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
บวกลบตัวเลขสำคัญกับเด็กมากกว่าที่คิด
ความเป็นจริงแล้วในวิชาคณิตศาสตร์ มีรากฐานที่เราเข้าใจกันทั้งหมด คือ บวก,ลบ, คูณ และหาร ซึ่งจะนำเทคนิคเหล่านี้ต่อยอดการเรียนรู้ในรายวิชานี้ในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นในเด็กเล็กจึงต้องเรียนรู้เอาไว้ เพื่อนำไปใช้ในชั้นเรียนต่อไป แต่หากจะให้กล่าวถึงในชีวิตประจำวัน ตัวเลขมักมาในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนซื้อ-ขายสินค้าทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันเราก็สามารถเลือกใช้เครื่องคิดเลขจากโทรศัพท์ส่วนตัวได้ แต่ถ้าหากไม่ได้พกไปก็จำเป็นต้องบวกลบเอง
นอกจากนี้ในปัจจุบันมีเด็กหลายคนที่ไม่สามารถหลีกหนีวิชาคณิตศาสตร์ในระดับเบื้องลึกได้ เนื่องจากในประเทศไทยมองว่าเป็นวิชาหลักที่เด็กทุกคนต้องเรียนในระดับที่สูงขึ้น ยากขึ้น แม้เด็กอาจจะไม่ชอบ และอยากเรียนรู้แค่พื้นฐานก็ตาม ส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจ ความไม่อยากเรียน ซึ่งเราเห็นได้โดยทั่วไป ดังนั้นหากเด็กเล็กยิ่งไม่มีพื้นฐานการ บวกลบ อาจจะยิ่งทำให้การเรียนรู้ในหลักสูตรต่อ ๆ ไปเป็นอุปสรรคมากยิ่งขึ้น และอาจทำให้เกรดเฉลี่ยลดลง ซึ่งในประเทศไทยนั้นถือว่าค่อนข้างมีความสำคัญในการนำไปยื่นเรียนต่อในอนาคต
เทคนิคการบวกลบเลข สำหรับเด็กเล็ก
ด้วยความยากสำหรับเด็ก ๆ วันนี้เราจึงจะยกเทคนิคมาให้ 2 เทคนิคสำหรับการบวก และลบ ซึ่งนอกจากจะนำไปใช้ในชั้นเรียนแล้ว เทคนิคนี้ยังสามารถนำไปใช้ต่อได้ในหลายโอกาส โดยเทคนิคส่วนมากนั้นจะทำให้เป็นจำนวนเต็มที่ลงท้ายด้วย 0 ก่อนเสมอเนื่องจาก สามารถจัดการได้ง่ายกว่าตัวเลขที่เป็นเศษนั่นเอง โดยเราจะมีแบบฝึกหัดให้เด็ก ๆ ลองทำด้วย และจะมีเฉลยอยู่ท้ายบทความนี้
1. เทคนิคบวกตัวเลขจำนวนเต็ม 10 หรือ 100 แล้วค่อยรวมเศษ
เมื่อเจอการบวกเลขหลาย ๆ จำนวนในครั้งเดียว การต้องนั่งบวกไปมา อาจทำให้สับสนตัวเลขได้ การแก้ปัญหาการบวกหลาย ๆ รอบแบบนี้สามารถทำได้ด้วยการนำตัวเลขมารวมเป็นหลัก 10 หรือ 100 ก่อน จากนั้นค่อยนำเศษที่เหลือมารวมเข้ากันทีหลัง
ตัวอย่างโจทย์ : 12+23+41+52
ให้นำหลัก 10 มารวมกันก่อน = 10+20+40+50 จะได้เป็น 120
จากนั้นให้นำเศษที่เหลือมารวมกัน = 2+3+1+2 จะได้เป็น 8
แล้วค่อยนำ 120+8 = 128 วิธีนี้สามารถทำได้ดีกรณีไม่มีเครื่องคิดเลข และต้องคิดในใจ หรือคิดในกระดาษก็สะดวกเช่นกัน เดี๋ยวเราจะยกตัวอย่างเป็นเลขหลัก 100 อีก 1 โจทย์
ตัวอย่างโจทย์ : 100+222+346+500
วิธีคิด 100+200+300+500 = 1100
รวมเศษ 22+46 = 68
รวมคำตอบสุดท้าย 1100+68 = 1168
แบบทดสอบเทคนิคบวกตัวเลขจำนวนเต็ม
ข้อที่ 1 : 27+43+54+61+39 = ?
ข้อที่ 2 : 120+130+440+610+500 = ?
ข้อที่ 3 : 1200+2300+1500+3500+4000 = ?
2. เทคนิคลบตัวเลขด้วยการเสริมจำนวนเต็ม
การลบเลขยากกว่าการบวกเลขเสมอ ยิ่งด้วยถ้ามาเป็นเศษจะคิดได้ยากขึ้น เราจึงจะมาบอกเทคนิคการเพิ่มจำนวนเต็ม ด้วยการนำจำนวนแรกมาบวกให้ครบ 10, 100 หรือ 1000 แล้วแต่ตัวเลข แล้วค่อยนำตัวเลขจำนวนเต็มไปบวกเพิ่มขึ้นให้เท่ากับตัวเลขด้านหลัง จากนั้นให้นำตัวเลขส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นของทั้งเลขจำนวนหน้า และจำนวนหลังมารวมกันเป็นคำตอบ วิธีอาจจะอธิบายให้เข้าใจได้ยาก ถ้าอย่างนั้นเรามาดูตัวอย่างกันดีกว่า
ตัวอย่างโจทย์ : 25-130
เริ่มจากการนำ 25 มาปัดให้เต็มจำนวนนั่นก็คือ 30 เท่ากับบวกเพิ่มขึ้นมา 5
จากนั้นนำเลข 30 ที่เป็นจำนวนเต็มมาคิดต่อว่าจะบวกเท่าไหร่จึงได้ 130 ตามจำนวนหลัง คือ 100
ขั้นตอนสุดท้ายให้นำส่วนที่เพิ่มมาจากทั้ง 2 ตำแหน่งรวมกันนั่นคือ 5+100 = 105 นั่นคือคำตอบนั่นเอง
ตัวอย่างโจทย์ : 350-1000
เริ่มจากการปัด 350 ให้เต็ม 400 นั่นก็คือต้องเพิ่มขึ้นมาอีก 50
แล้วนำเลข 400 มาคิดต่อว่าจะบวกเท่าไหร่ให้ได้ 1000 ตามเลขด้านหลัง นั่นคือ 600
จากนั้นให้นำเลข 50+600 = 650 เป็นคำตอบสุดท้าย
* หมายเหตุ : การลบเลขเรายกตัวอย่างการขึ้นต้นด้วยจำนวนที่น้อยกว่าจำนวนหลัง ในความเป็นจริงแล้วคำตอบที่ได้จะติดลบ การยกตัวอย่างนี้เพียงเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจเท่านั้น
แบบทดสอบเทคนิคลบตัวเลขด้วยการเสริมจำนวนเต็ม
ข้อที่ 1 : 75-150 = ?
ข้อที่ 2 : 95-250 = ?
ข้อที่ 3 : 630-1000 = ?
3. เทคนิคการบวกลบเลข ด้วยการตัด 0 ออกไปก่อนหากมีจำนวน 0 เท่ากัน
เป็นเทคนิคอย่างง่ายที่ช่วยให้บวกเลข หรือลบเลขได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น เพราะมีเงื่อนไขในการบวกลบด้วยจำนวน 0 ที่ต้องเท่ากันทั้ง 2 จำนวน นอกจากนั้น จะไม่สามารถใช้เทคนิคนี้ได้แล้ว ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างโจทย์ : 500+300
โจทย์นี้มี 0 เท่ากัน คือ 2 ตัว ให้นำออกไปก่อน จะกลายเป็น 5+3 = 8
จากนั้นให้นำ 0 กลับมาเติมจะได้คำตอบ คือ 800
ตัวอย่างโจทย์ : 950-350
โจทย์นี้มี 0 เท่ากัน คือ 1 ตัวให้นำออกไปก่อนจะกลายเป็น 95-35 = 60
จากนั้นให้นำ 0 กลับมาเติมจะได้คำตอบ คือ 600
แบบทดสอบเทคนิคบวกลบด้วยการตัด 0
ข้อที่ 1 : 400+500 = ?
ข้อที่ 2 : 300+900 = ?
ข้อที่ 3 : 750-250 = ?
ข้อที่ 4 : 680-240 = ?
4. ฝึกความชำนาญในการคิดเลขในใจ
นอกจากจะต้องใช้เทคนิคแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่ทำให้สามารถคิดเลขได้รวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการบวก หรือการลบ นั่นคือการสร้างความเคยชินให้กับตนเอง เพื่อให้สามารถใช้การคิดเลขในใจ ที่จะช่วยลดระยะเวลาการคำนวณโจทย์เลขได้มาก ให้เรานึกภาพเมื่อลูกเห็นตัวเลขที่เป็นโจทย์ทั้ง 2 จำนวน แล้วรู้คำตอบทันทีโดยไม่ต้องลงมือทดกระดาษ หรือกดเครื่องคิดเลข หากเป็นแบบนั้นคงจะดีไม่น้อยเลย วันนี้เราเลยจะมาบอกวิธีฝึกเด็ก ๆ ให้มีความคุ้นชินกับตัวเลขมากขึ้น ดังนี้
- ฝึกทำโจทย์เลขอย่างง่ายบ่อย ๆ ที่ไม่ค่อยมีความซับซ้อน เพราะเป้าหมายของเรา คือ การจดจำ และความคุ้นชิน หากใช้โจทย์ที่ยากเกินไป อาจทำให้เด็กไม่ชอบเรื่องตัวเลขได้
- ให้ลูกได้ลองใช้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น ให้ลูกช่วยคิดราคาสินค้าเมื่อไปร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
- ลองคิดเลขโดยไม่ต้องกลัวว่าลูกจะคิดถูกหรือผิด ไม่ว่าจะเป็นการนับนิ้ว หรือถามปากเปล่า เนื่องจากถ้าบวกลบผิดก็จะทำให้เด็กจำได้ดียิ่งขึ้น
- ใช้สื่อช่วยในการคิดคำนวณเพื่อให้เกิดความสนุกสนานมากขึ้น การทำแบบนี้จะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้มากขึ้นกว่าปกติ ง่ายต่อการฝึกทักษะบวกลบเลข
เฉลยแบบทดสอบ
แบบทดสอบเทคนิคบวกตัวเลขจำนวนเต็ม
ข้อที่ 1 : 27+43+54+61+39 = 224
ข้อที่ 2 : 120+130+440+610+500 = 1800
ข้อที่ 3 : 1200+2300+1500+3500+4000 = 12500
แบบทดสอบเทคนิคลบตัวเลขด้วยการเสริมจำนวนเต็ม
ข้อที่ 1 : 75-150 = 75
ข้อที่ 2 : 95-250 = 155
ข้อที่ 3 : 630-1000 = 370
แบบทดสอบเทคนิคบวกลบด้วยการตัด 0
ข้อที่ 1 : 400+500 = 900
ข้อที่ 2 : 300+900 = 1200
ข้อที่ 3 : 750-250 = 500
ข้อที่ 4 : 680-240 = 440
เทคนิคการบวกลบเลข เหล่านี้เป็นเพียงตัวช่วยในโจทย์ระดับง่ายจากการบวกและลบ ในวิชาคณิตศาสตร์ยังมีการคูณ และการหารที่เด็ก ๆ จะต้องฝึกฝนอีกในอนาคต
บทความที่น่าสนใจ :
5 วิธีสอนลูกอย่างไร ให้ลูกกลายเป็นคน “คิดบวก” หายห่วงทุกสถานการณ์
ฝึกลูกให้ “แก้ปัญหา” ด้วยตนเองทำได้ไม่ยาก เดี๋ยวเรากระซิบบอกเอง
ปัญหา “โลกส่วนตัวสูง” ไม่ใช่โรค ช่วยลูกปรับตัวได้ด้วยการยอมรับ และความเข้าใจ