คนท้องกินขนมครกได้ไหม ขนมหวานที่ใคร ๆ ก็บอกว่าอร่อย!

หากคุณแม่ชอบกินขนมไทยกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเราสามารถกินได้ในปริมาณเท่าไหร่ บอกเลยนะคะว่าเราได้นำข้อสงสัยว่าฝากคุณแม่ทุกคนแล้ว ยิ่งใครที่กำลังตั้งท้องอยู่ในตอนนี้ และอยากที่จะรู้ว่า คนท้องกินขนมครกได้ไหม กินขนมครกแล้วจะมีประโยชน์ในเรื่องไหนบ้าง เรามาดูสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไปพร้อมกันเลยนะคะ

คนท้องกินขนมครกได้จริงไหม? มาดูกันดีเลย

ต้องบอกว่าขนมครกเป็นหนึ่งในเมนูที่อร่อย อีกทั้งยังเป็นขนมไทยขึ้นชื่อมีหลากหลายรสชาติให้เราได้เลือก แต่การกินขนมครกนั้นถึงแม้ขนมชนิดนี้จะเป็นขนมที่มีความอร่อยก็จริง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรากินเข้าไปในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือกินแบบไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้คุณแม่มีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น หรือบางคนก็อาจจะมีผลข้างเคียงต่าง ๆ แทรกขึ้นมาได้ เอาเป็นว่าทางที่ดีก่อนที่คุณแม่จะกินขนมครกเข้าไปนั้น คุณแม่อาจจะต้องเลือกกินในปริมาณที่พอเหมาะ และอาจจะทำการปรึกษาคุณหมอก่อนกินจะดีกว่านะคะ

ประโยชน์ของขนมครกที่ควรรู้!

หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้กันใช่ไหมคะว่าการที่เรากินขนมครกที่แสนอร่อยเข้าไปแล้วนั้น ขนมชนิดนี้ก็ค่อนข้างที่จะมีประโยชน์และส่งผลดีต่อร่างกายของเราได้ เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะรู้ว่าหากเรากินขนมครกเข้าไปแล้วนั้น สิ่งนี้จะส่งผลดีต่อเราอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

1. มีวิตามิน A

อย่างแรกที่เราอาจจะได้จากการกินขนมครกนั้นก็คือ วิตามิน A ซึ่งวิตามินชนิดนี้อาจจะได้จากการที่เราโรยวัตถุดิบที่เป็น ต้นหอม ข้าวโพด เผือกเข้าไปผสมผสาน นอกจากจะเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูขนมครกแล้วนั้น วิตามิน A หากในร่างกายของเราได้รับเข้าไปแล้วนั้น สิ่งนี้ยังจะช่วยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิตามินเออันตรายต่อคนท้องจริงไหม ทารกจะเสี่ยงพิการจริงหรือ ?

2. มีวิตามิน E

เท่านั้นยังไม่พอภายในตัวขนมครกยังอุดมไปด้วยวิตามิน E ที่ทำหน้าที่ละลายไขมันในร่างกายของเราได้เป็นอย่างดีเลย และนอกเหนือจากสิ่งนี้แล้วนั้น วิตามิน E ยังเข้ามาช่วยป้องกันการแตกของเซลล์เม็ดเลือด พร้อมกับป้องกันการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายของเราได้เป็นอย่างดีด้วยนะคะ

3. มีไขมันดี

ต่อมาการที่เราเลือกกินขนมครกนั้น ภายในขนมครกยังมีไขมันดีที่ได้มาจากกะทิ ซึ่งไขมันชนิดนี้มีชื่อว่า “มีเดียมเชน ไตรกลีเซอไรด์” เป็นไขมันที่ค่อนข้างขับออกจากร่างกายได้ดีมาก ๆ เลย บอกเลยนะคะว่าใครที่กลัวว่าเราจะอ้วน หรือกลัวว่าเราจะมีไขมันสะสมในร่างกายเยอะหรือเปล่า หากได้ร่างกายได้รับไขมันชนิดนี้ไป ร่างกายของเราจะไม่มีการสะสมไขมันเกิดขึ้นแน่นอน

4. มีคาร์โบไฮเดรต

การที่เรากินขนมครกเข้าไปนั้น ร่างกายของเราก็จะได้รับสารอาหารที่สำคัญอย่างคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหากเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเราได้รับเข้าไปแล้ว สิ่งนี้ก็จะเข้าไปช่วยทำให้คุณแม่นอนหลับได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ทำให้สมองของเราขาดสารอาหารอีกด้วยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 เมนูเผือก สำหรับของว่าง อร่อย หลากหลาย ได้คาร์โบไฮเดรตสูง

วิธีการเลือกกินขนมไทยให้ดีต่อสุขภาพ

ทุกครั้งที่เราจะต้องตัดสินใจกินขนมไทยอะไรสักอย่าง หรือแม้แต่การกินขนมครก แน่นอนว่าเราจะต้องดูองค์ประกอบต่าง ๆ ตามไปด้วยค่ะว่าเราควรเลือกกินขนมไทยแบบไหน เพื่อที่แม่ท้องรวมถึงเจ้าตัวเล็กจะได้รู้สึกปลอดภัยและได้คุณประโยชน์ในเรื่องการกินขนมไทยตามไปด้วย หากใครที่กำลังอยากรู้วิธีการกินขนมไทยให้ดีต่อสุขภาพแล้วล่ะก็ เข้ามาดูกันเลย

1. รสชาติของขนมไทย

ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อขนมไทยมากินนั้น สิ่งที่เราอาจจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเลยคือ เราอาจจะต้องดูในเรื่องของรสชาติของขนมไทยตามไปด้วย พยายามเลือกซื้อขนมไทยที่มีรสชาติไม่ค่อยหวานสักเท่าไหร่ หรือบางคนก็อาจจะดูวัตถุดิบต่าง ๆ ของขนมไทยตามไปด้วยนะคะ อาจจะเลือกเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์และมีรสชาติที่หวานกำลังพอดีจะดีกว่าค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เปิดสูตร! ขนมชั้น แป้งนุ่มหนึบ ทำง่าย อร่อยได้ที่บ้าน

2. ดูวันหมดอายุ

สิ่งที่เราอาจจะต้องดูต่อมาเลยคือ เรื่องของวันผลิตและวันหมดอายุ อย่างที่รู้กันว่าขนมไทยโดยส่วนใหญ่มักจะทำมาจากกะทิ หากเมื่อไหร่ที่อยู่ในอุณหภูมิที่สูงจนเกินไป หรืออยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้ขนมไทยที่เราซื้อมาเกิดการเน่าเสีย หรือหมดอายุขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะกินขนมไทยเข้าไป อาจจะต้องดูให้ดีก่อนนะคะ

3. ร้านที่สะอาดไว้ใจได้

เรื่องของความสะอาดก็เป็นอะไรที่ไม่ควรมองข้ามมาก ๆ เพราะฉะนั้นร้านขนมไทยที่เราเลือกซื้อโดยส่วนใหญ่ อาจจะเป็นขนมไทยที่ค่อนข้างเป็นร้านที่สะอาด สามารถไว้ใจได้ หรืออาจจะเป็นร้านที่ใครหลายคนให้ความนิยม ได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ มาแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ดูในเรื่องของความสะอาด ผลที่ตามมาก็อาจจะทำให้คุณแม่ได้รับอันตรายตามมาทีหลังได้

4. หันมากินขนมไทยที่มีประโยชน์

สำหรับใครที่ชอบกินขนมไทยเป็นชีวิตจิตใจกันอยู่แล้ว เราก็อาจจะต้องเลือกเมนูขนมไทยขึ้นมาหน่อย โดยอาจจะต้องเลือกกินขนมไทยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ในเรื่องต่าง ๆ เพื่อที่เราและลูกในท้องจะได้รับสารอาหารที่สำคัญได้อย่างเต็มที่นะคะ

เคล็ดลับ! การทำขนมครกแบบง่าย ๆ

วัตถุดิบตัวแป้ง

1. แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม

2. แป้งข้าวเหนียว 25 กรัม

4. น้ำร้อนจัด 1 ½ ถ้วยตวง

5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

7. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

6. เกลือ 1 ช้อนชา

3. หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง

วัตถุดิบหน้าขนม

1. หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง

2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง

4. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

3. เกลือ 1 ช้อนชา

5. เครื่องโรยหน้าขนมครกตามความชอบ

ขั้นตอนการทำแป้งขนมครก

1. อย่างแรกเลยให้นำแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียวมาผสมผสานเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ให้เราใส่เกลือและน้ำตาลตามลงไปอีกรอ

2. เมื่อส่วนผสมเข้ากันแล้ว ให้เราเทหัวกะทิที่เตรียมไว้ลงไปผสมในตัวแป้งที่ผ่านการผสมมาแล้ว

3. จากนั้นก็ให้เราเทน้ำร้อนที่เตรียมไว้ลงไป พร้อมกับทำการคนตัวแป้งให้เข้ากันจนได้ที่

ขั้นตอนการเตรียมหน้าขนมครก

1. ต่อมาเรามาทำหน้ากะทิกันต่อเลยดีกว่า ให้เรานำเกลือ น้ำตาลทราย และแป้งข้าวเจ้ามาผสมกันให้เรียบร้อย

2. จากนั้นให้เราค่อย ๆ คนส่วนผสมของตัวแป้งให้เข้ากัน พร้อมกับเทกะทิลงไปด้วย

3. เมื่อส่วนผสมต่าง ๆ เริ่มเข้ากันจนได้ที่ เราก็จะได้หน้าขนมครกที่ตอบโจทย์แล้วล่ะค่ะ

ขั้นตอนการทำขนมครก

เริ่มกันที่อย่างแรกให้เรานำน้ำมันที่เตรียมไว้ มาทำการชุบบริเวณเตาของขนมครกไปเรื่อย ๆ
จากนั้นให้นำตัวแป้งที่เตรียมไว้ เทหยอดลงไปในหลุม
เมื่อตัวแป้งเริ่มสุกหน่อย ๆ ให้เรานำวัตถุดิบ อาทิเช่น เผือก ข้าวโพด ต้นหอมลงไป
หลังจากที่วัตถุดิบต่าง ๆ เริ่มสุกได้ที่ จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ

เมนูขนมครกที่เราได้พาคุณแม่มาทำความรู้จักกันในวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เต็มไปด้วยความอร่อย อีกทั้งยังมีคุณประโยชน์สำหรับเราและลูกในท้องอีกด้วย เอาเป็นว่าขนมไทยชนิดนี้แม่ท้องสามารถกินได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็อาจจะต้องกินให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะจะดีกว่านะคะ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องกินเค้กได้ไหม กินของหวานยังไงให้มีประโยชน์ มาดูกัน!
คนท้องกินชมพู่ได้ไหม ผลไม้มีประโยชน์ต่อคนท้องในเรื่องไหนบ้าง?
ทำอย่างไร? เมื่อแม่ท้องอยากกินขนม คนท้องกินผักอบกรอบได้ไหม มีประโยชน์หรือเปล่า
ที่มา : 1, 2, 3