หนึ่งในความเจ็บป่วยที่สามารถเกิดได้กับทุกช่วงวัย นั่นก็คืออาการของ โรคท้องร่วง ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิต ลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย สำหรับ โรคท้องร่วงในเด็ก อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งไวรัส แบคทีเรีย หรือพยาธิ เป็นโรคที่พ่อแม่ควรระวังให้ดี เพราะหากรักษาไม่ทันท่วงที อาจมีอาการขาดน้ำจนช็อกได้
วันนี้ Mamastory จะพาไปรู้จักกับโรคท้องร่วงในเด็กให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าอันตรายอย่างไร และพ่อแม่ควรมีวิธีป้องกัน หรือมีวิธีรับมืออย่างไร เพื่อให้ลูกปลอดภัยและไม่มีอันตราย หากพร้อมแล้ว ไปดูพร้อมกันได้เลยค่ะ !
โรคท้องร่วงในเด็ก คืออะไร ?
โรคท้องร่วงในเด็ก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ซึ่งเป็นอาการที่เด็กถ่ายเหลว 3 ครั้ง หรือมากกว่านั้น ซึ่งอาจเกิดได้จากเชื้อไวรัส 50-60% และเชื้อแบคทีเรีย 30% หรือในบางราย อาจเกิดจากอาหารเป็นพิษก็ได้เช่นกัน
เมื่อไรที่ลูกมีอาการถ่ายเหลวหลายรอบ หรือถ่ายอุจจาระเป็นน้ำจำนวนมากกว่า 1 ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ก็นับว่าเป็นอาการท้องเสีย หรือท้องร่วงได้ โดยไม่ต้องมีอาการร่วมอย่างอาเจียน หากเด็กท้องเสียแต่ไม่แน่ใจว่า มาจากสาเหตุอะไร สามารถตรวจเพิ่มเติมได้ด้วยการพาไปโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่จะเกิดเป็นภาวะอันตราย
สาเหตุของโรคท้องร่วงในเด็ก
โดยส่วนใหญ่แล้ว โรคท้องร่วงในเด็กมักเกิดจาก การทานอาหารหรือดื่มน้ำ ที่มีเชื้อโรคปนเข้าไป ซึ่งการปนเปื้อนส่วนใหญ่มักมาจาก
- การล้างมือไม่สะอาด
- หลังเข้าห้องน้ำ หรือก่อนกินข้าว ไม่ล้างมือ
- เด็กชอบดูดหรืออมนิ้ว
- เด็กชอบหยิบของตกพื้น หรือของไม่สะอาดเข้าปาก
- รับเชื้อจากนมที่ไม่ใช้น้ำร้อนชง หรือขวดนมไม่สะอาด
- กินอาหารค้างคืนที่แมลงวันตอม
- น้ำดื่มไม่สะอาด ไม่ใช่น้ำกรองหรือน้ำต้มสุก
- ทานผักหรือผลไม้ ที่ไม่ล้างให้สะอาด
อาการที่พบได้บ่อยในโรคท้องร่วง
- ถ่ายหนักและถ่ายบ่อย
- ถ่ายเป็นมูก ถ่ายแล้วมีมูกเลือดปน
- ไข้สูง หรือชัก
- อาเจียนหลังถ่าย
- ท้องอืด
- ไม่ยอมดื่มเกลือแร่
- เบื่ออาหาร
บทความที่เกี่ยวข้อง : มาดู น้ำตาลในเลือดผิดปกติ ภาวะที่พบได้บ่อยในเด็กทารกแรกเกิด
หากอาการรุนแรงกว่าข้างต้นที่กล่าวมา อาทิเช่น ให้เด็กดื่มน้ำชงเกลือแร่แล้ว แต่เด็กยังมีอาการอ่อนเพลีย หรือมีอาการซึม และยังถ่ายบ่อยเป็นน้ำ ที่มากกว่า 10 ครั้งต่อวัน เป็นอาการที่น่าห่วง ควรพาลูกไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง เพราะอาจต้องกินยาเพิ่ม นอกจากการดื่มเกลือแร่ เพื่อทดแทนการเสียน้ำ
อาหารที่ควรให้ทานระหว่างท้องเสีย
สำหรับเด็กที่ท้องร่วงแต่ยังดื่มนม ควรให้ลูกดื่มนมบ่อยกว่าปกติ ทั้งนมแม่และนมชง หากเด็กโตกว่านั้นและสามารถดื่มน้ำชงเกลือแร่ได้ ควรให้ดื่มคู่กัน เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำ เปลี่ยนให้ทานอาหารย่อยง่ายอย่าง ข้าวต้ม หรือโจ๊ก พร้อมกับดื่มเกลือแร่จนกว่าจะหยุดถ่าย แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน หรือมีอาการอื่นที่เพิ่มขึ้น ควรพาลูกไปหาหมอ เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี
เด็กเล็กกินยาหยุดถ่ายได้ไหม ?
สำหรับเด็กเล็ก ที่แน่ชัดว่าเป็นโรคท้องร่วง หรือมีการท้องเสียอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรทานยาหยุดถ่าย ถึงแม้ว่าข้อดีของยาจะช่วยให้หยุดการถ่าย แต่อาการไม่ได้ถูกรักษาอย่างถูกต้อง ภายในลำไส้อาจยังมีของเสียตกค้างอยู่ อาจทำให้ท้องอื่น หรือกลายเป็นโรคแทรกซ้อนอื่น ที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กได้
วิธีป้องกันโรคท้องร่วงในเด็ก
- เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะนมแม่มีภูมิคุ้มกันโรคท้องร่วง
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง หลังการเข้าห้องน้ำ ก่อนกินข้าว และก่อนประกอบอาหาร
- รับประทานอาหารทำสุกใหม่ ไม่ทานอาหารค้างคืน
- ดื่มนมสะอาด บรรจุในขวดมิดชิด
- เก็บอาหารไม่ให้แมลงวันตอม ป้องกันการท้องเสียฉับพลัน
- กำจัดแหล่งเพาะแมลง เก็บขยะทิ้งทุกวัน
ข้อสำคัญคือนอกจากการทานอาหารปรุงสุกใหม่แล้ว การช่วยไม่ให้ลูกมีอาการท้องร่วง ด้วยการรับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโรต้า ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ลดความเสี่ยงได้ เพื่อไม่ให้โรคหรืออาการรุนแรงเกินควบคุม นอกจากนั้นควรหมั่นสอนลูก ให้ล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังการเข้าห้องน้ำ และหมั่นทำความสะอาดภาชนะให้ถูกวิธี เพื่อลดอัตราการเกิดโรคท้องร่วงในเด็กค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โรคเฮอร์แปงไจนา (Herpangina) โรคติดต่อเชื้อไวรัสที่ต้องระวังในเด็ก !
โนโรไวรัส (Norovirus) ระบาดหนัก ตัวการทำเด็ก ๆ ท้องเสีย !
ภาวะขาดน้ำในทารก อาการ และความเสี่ยงที่ต้องระวัง
ที่มา : 1