เมื่อก่อนรู้ภาษาที่ 2 อย่างภาษาอังกฤษก็ถือว่าได้เปรียบแล้ว แต่ปัจจุบันการแข่งขันที่สูง ทำให้อาจต้องเรียนรู้ ภาษาที่ 3 เอาไว้บ้าง หากฝึกลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ จะยิ่งเป็นผลดีกับลูกในอนาคตอย่างแน่นอน มาดูกันว่าจะฝึกได้อย่างไรบ้าง
สิ่งที่ต้องคำนึงก่อนให้ลูกเรียน ภาษาที่ 3
ก่อนที่ผู้ปกครองจะตัดสินใจส่งเสริมความรู้ภาษาที่สาม ให้กับลูกนั้น จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมหลายอย่าง เพื่อไม่ให้การเรียนรู้เสียเปล่า หรือทำให้ลูกเกิดความเครียด ไม่เข้าใจ ส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยปัจจัยที่สำคัญมีทั้งหมด 3 อย่าง ดังนี้
- อายุของลูก : ภาษาที่ 3 เป็นภาษาที่ไม่คุ้นชินเท่ากับภาษาไทย และภาษาอังกฤษอยู่แล้ว หากนำลูกที่มีอายุน้อยเกินไป เพิ่งพูดได้ไม่กี่คำ สื่อสารได้น้อยเกินไป จะทำให้เกิดอุปสรรคในการเรียนรู้ได้ ทักษะด้านภาษาของเด็กนั้นจะพร้อมเร็วที่สุด คือ ตอนอายุ 5 ปี ไม่ควรให้ลูกเรียนก่อนหน้านั้น ยกเว้นเป็นเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ
- ลูกชอบหรือไม่ : ประสิทธิภาพที่ลูกจะเรียนรู้ได้ดี ไม่ว่าจะเด็ก หรือในผู้ใหญ่ มักตั้งต้นมาจากความชอบด้วยส่วนหนึ่ง หากบังคับให้ลูกไปเรียนภาษาที่ลูกไม่สนใจ จะยิ่งทำให้โอกาสในการเรียนรู้ลดลง พ่อแม่จึงควรปรึกษาลูกก่อน หรือสังเกตให้ดี เช่น ลูกชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่น ก็อาจให้ลูกเรียนภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น
- มีเวลามากพอหรือไม่ : สำหรับเด็ก ๆ อาจมีเวลามากสำหรับการเรียนรู้ แต่ทุกการเรียนรู้ต้องมาพร้อมกับการฝึกฝน ใช้บ่อย ๆ พูดบ่อย ๆ เวลาส่วนมากที่อยู่บ้านจึงหนีไม่พ้นพ่อแม่ที่จะต้องช่วยฝึกลูก คอยหากิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาที่สาม ที่ลูกเรียนอยู่ หากพ่อแม่ไม่มีเวลามากพอ จะทำให้ลูกได้เรียนรู้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็อาจจำเป็นต้องเลี่ยงไปก่อน
หากลองคิดดูแล้วสามารถทำได้ทั้ง 3 ข้อที่เรากล่าวมา แสดงว่าลูกรักมีความพร้อมที่จะเรียนภาษาที่สาม แน่นอนแล้ว ต่อมาก็ต้องมาคิดว่า จะให้ลูกเรียนภาษาอะไรดี โดยเราจะจัดอันดับเอาไว้ให้
บทความที่เกี่ยวข้อง : พัฒนาการทางภาษาช้า ทำอย่างไรดี? มาดูวิธีการรับมือไปพร้อมกัน
วิดีโอจาก : PRAEW
ให้ลูกเรียนภาษาที่ 3 เป็นภาษาอะไรดี ?
นอกจากภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ที่เป็นภาษาหลัก และภาษารอง การเรียนภาษที่ 3 อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่าให้คำนึงถึงความชอบ ความต้องการของลูกก่อน แต่สำหรับผู้ปกครองที่ไม่มีไอเดีย ลูกไม่ได้แสดงท่าทีชอบภาษาไหนเป็นพิเศษ เราก็มีภาษาที่น่าสนใจมาแนะนำให้ ได้แก่
- ภาษาจีนกลาง : เป็นภาษากลางอันดับที่ 2 รองลงมาจากภาษาอังกฤษ เพราะคนจีนกระจายไปอาศัยอยู่ทั่วโลก มีโอกาสที่จะใช้ได้จริงสูง
- ภาษาญี่ปุ่น : คนญี่ปุ่นมีวินัย และทำธุรกิจเก่ง ปัจจุบันมีคนญี่ปุ่นมาลงทุนในประเทศไทยเยอะ การเรียนภาษาญี่ปุ่นก็เป็นทางเลือกที่ดี และมักเป็นภาษาที่เด็ก ๆ อาจสนใจเพราะดูการ์ตูนนั่นเอง
- ภาษาเกาหลี : เกาหลีเป็นหนึ่งประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในเชิงพาณิชย์ มีสื่อบันเทิงหลายประเภทที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก หากลูกอ่านเขียนได้ก็น่าสนใจเช่นกัน
- ภาษาเวียดนาม : หากวัดในอาเซียน เวียดนามถือเป็นประเทศมาแรงในเชิงเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
- ภาษาฝรั่งเศส : เป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษากลางก็จริง แต่หลายพื้นที่ในยุโรปก็นิยมใช้เช่นกัน และยังถูกจัดเป็นภาษาราชการมากถึง 29 ประเทศทั่วโลก
- ภาษาอาหรับ : ใช้กันเป็นปกติในแถบตะวันออกกลาง ถือเป็นกลุ่มประเทศศูนย์กลางทรัพยากรที่สำคัญของโลกอย่างน้ำมัน ทำให้มีอัตราการเติบโตทั้งการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในทุกปี
- ภาษาฮินดี : ใช้กันในประเทศอินเดีย ซึ่งมีคนอินเดียไม่น้อยที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงเข้ามาอยู่อาศัย และมีแนวโน้มที่มากขึ้น มีความใกล้ชิดกับไทยพอสมควร และยังเป็นภาษาที่มีผู้คนใช้มากเป็นอันดับที่ 4 ของโลกด้วย
4 เทคนิคสอนภาษาที่ 3 ให้ลูก
การเรียนของลูกให้ได้ผลดี ผู้ปกครองจำเป็นต้องรู้เทคนิคที่จะช่วยให้การเรียนรู้ภาษาที่สาม ของลูกเป็นไปได้ง่ายขึ้น ลดความกดดัน และทำให้ลูกสนุกไปด้วย เรามีเทคนิคมาแชร์ ดังนี้
1. ผู้ปกครองเรียนรู้ด้วย หรือถนัดอยู่แล้ว
การเรียนรู้ที่ดีของลูก จะต้องผ่านการฝึกฝนมากพอ หากผู้ปกครองรู้จักภาษานั้น ๆ อยู่แล้ว พูดได้ เขียนได้ ฟังได้ อาจไม่ได้ชำนาญ และสำเนียงไม่เป๊ะ แต่ถ้าพอช่วยฝึกลูกได้ตอนเวลาว่างก็เป็นเรื่องที่ดี หรือจะใช้วิธีเรียนไปพร้อม ๆ กับลูกก็ทำได้เช่นกัน ทำให้ลูกรู้สึกว่ามีเพื่อน และได้เข้าใจสิ่งที่ลูกกำลังเรียนรู้อยู่ด้วย
2. ใช้กิจกรรมและสื่อช่วย
เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น หากมีการใช้สื่อเข้ามาเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่นิยมนำมาใช้เช่น การ์ตูน หรือเพลงตามสื่อต่าง ๆ ที่หาได้ทั่วไป ทำให้ลูกรู้สึกว่าตนเองได้ความสนุก และเรียนรู้ไปในตัว นอกจากนี้ยังสามารถปรับใช้กิจกรรมบทบาทสมมติมาฝึกภาษาได้ด้วยเช่นกัน หรือจะลองใช้ Flashcards กับภาษาที่ลูกกำลังเรียนรู้อยู่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย
3. เทคนิค 30 minutes
ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าการได้ศึกษามาแล้วนำมาใช้จริง การใช้จริงเป็นวิธีการทบทวนที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก ด้วยเทคนิค 30 minutes ทำการตกลงกันภายในบ้านว่า ทุกวัน 30 นาทีเวลาไหนที่จะใช้ภาษาที่สาม สื่อสารกัน จะไม่ใช้ภาษาไทย และภาษาอังกฤษในเวลานั้นเลย ผู้ปกครองอาจปรับเวลาลดลง หรือเพิ่มขึ้นก็ได้ เทคนิคนี้ยังใช้กับภาษากลางอย่างภาษาอังกฤษได้ด้วย
4. ใช้สิ่งของช่วยฝึก
การท่องศัพท์ง่าย ๆ เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ของทุกภาษา ผู้ปกครองสามารถเขียนคำศัพท์ภาษาที่ 3 แปะไว้บนสิ่งของที่ลูกหยิบจับบ่อย ๆ เพื่อให้ลูกมองเห็น อ่านตาม เมื่อเวลาผ่านไป เช่น 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ก็เปลี่ยนเอาคำศัพท์ชุดใหม่มาแปะบ้าง เมื่อมีเวลาว่างหลังจากที่ลูกได้เห็นคำศัพท์ไปแล้ว อาจลองเอามาถามปากเปล่ากับลูกดูว่าของชิ้นนั้น ชิ้นนี้ในภาษานี้เรียกว่าอะไร หากลูกตอบถูกก็ควรชื่นชมลูกด้วย
นอกจากเทคนิคที่เราแนะนำแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองต้องมี คือ ความใจเย็น ให้โอกาสลูกในการเรียนรู้ต่อเนื่อง ไม่กดดัน และมองถึงประโยชน์ในระยะยาว หากกดดันลูกที่อายุยังน้อย แน่นอนว่าจะมีปัญหาหลายอย่างตามมาแน่นอน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แอปเรียนออนไลน์ หนึ่งในตัวช่วยให้เรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
10 เทคนิค เลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาด อารมณ์ดี เป็นอัจฉริยะ