ผลไม้คนท้อง กินแล้วดีอย่างไร แม่ท้องกินผลไม้อะไรได้บ้าง?

ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนอาจอยากรับประทานผลไม้เป็นพิเศษ เพราะมีประโยชน์แก่ร่างกาย และช่วยบำรุงครรภ์เป็นอย่างดี ทราบไหมคะว่าผลไม้บางชน 

 2132 views

ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนอาจอยากรับประทานผลไม้เป็นพิเศษ เพราะมีประโยชน์แก่ร่างกาย และช่วยบำรุงครรภ์เป็นอย่างดี ทราบไหมคะว่าผลไม้บางชนิด หากรับประทานเข้าไปแล้ว ก็อาจเกิดอันตรายขึ้นแก่ร่างกายคุณแม่ และลูกน้อยได้ วันนี้ Mama Story จะพาคุณแม่ทุกท่านมาดูกันกว่า ผลไม้ชนิดใดเหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ และควรรับประทานอย่างไรให้ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพครรภ์ พร้อมแล้ว ไปดูกันค่ะ

ทำไมคนท้องควรรับประทานผลไม้เป็นประจำ?

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ การรับประทานผลไม้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะผลไม้นั้น มีสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่มีส่วนช่วยในการขับถ่าย และป้องกันท้องผูกระหว่างครรภ์อีกด้วย ดังนั้นคุณแม่จึงควรรับประทานผลไม้ให้ครบ 5 ส่วนต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์

บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องห้ามกินอะไร เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงช่วงท้องมีอะไรบ้าง?

ผลไม้

ผลไม้อะไรที่คนท้องรับประทานได้?

  • ส้ม : เป็นผลไม้ที่ให้โฟเลตสูง โดยมีวิตามินบีที่ช่วยป้องกันการพิการทางสมอง และประสาทของลูกในครรภ์ได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย
  • มะม่วง : เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินสำคัญของแม่ท้อง รวมถึงยังมีวิตามินซีที่เป็นสารอาหารสำคัญของร่างกาย
  • มะพร้าว : เป็นผลไม้ที่ช่วยลดอาการอ่อนเพลียของคุณแม่ และยังช่วยดับกระหายได้อีกด้วย
  • กล้วย : เป็นผลไม้ที่ให้ประโยชน์มากมาย เช่น วิตามินบี 6 วิตามินซี โพแทสเซียม และไฟเบอร์ เป็นต้น อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูก และอาการคลื่นไส้ของคุณแม่ตั้งครรภ์อีกด้วย
  • แอปเปิล : อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี ไฟเบอร์ และโพแทสเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่ และทารกในครรภ์ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดโรคหอบหืด และภูมิแพ้ในเด็กได้
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี : การรับประทานผลไม้ตระกูลเบอร์รีช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นมากมาย เช่น คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ โฟเลต และวิตามินซี เป็นต้น ซึ่งเหมาะกับคุณแม่ที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ให้ได้รับพลังงานที่เพียงพอ ไปเลี้ยงลูกในครรภ์ได้
  • อะโวคาโด : อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีโฟเลตสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นแหล่งวิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค ไฟเบอร์ แมกนีเซียม และโพแทสเซียมอีกด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ ตะคริวที่ขา และพัฒนาระบบประสาทของลูกน้อยในครรภ์
  • มะนาว : ผลไม้ชนิดนี้ อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยในการลดการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ และยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูกอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากคุณแม่รับประทานผลไม้ชนิดนี้ ก็ควรระมัดระวังทุกครั้ง เพราะมีกรดที่สามารถทำลายผิวเคลือบฟันได้ ดังนั้นจึงควรบ้วนปากทุกครั้ง หลังดื่ม และรับประทานมะนาวค่ะ
  • ฝรั่ง : เมื่อคุณแม่รับประทานฝรั่ง ก็จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงกระดูก และฟันให้แข็งแรงอีกด้วย

นอกเหนือจากผลไม้ต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว ยังมีผลไม้อีกหลายชนิดที่คุณแม่สามารถรับประทานระหว่างตั้งครรภ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นแคนตาลูป มะละกอ สับปะรด แตงโม องุ่น กีวี เกรปฟรุต ลูกแพร์ มะขาม และลูกพลับ เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : โฟลิก สำคัญต่อคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างไร? คนท้องเริ่มกินโฟลิกได้ตอนไหน

ผลไม้คนท้อง

ผลไม้อะไรที่คนท้องไม่ควรรับประทาน?

  • ผลไม้หมักดอง : คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้หมักดอง หรือผลไม้แปรรูปทุกชนิด เนื่องจากผลไม้เหล่านี้ มีความเสี่ยงของสารพิษ และสารเคมีที่เกิดจากการหมักดอง และแปรรูปนั่นเอง นอกจากนี้ผลไม้ประเภทแช่อิ่ม อบแห้ง และเชื่อมยังมีน้ำตาลที่สูง รวมถึงยังมีสารกันบูดที่อาจส่งผลต่อร่างกายได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกรับประทานผลไม้สดจะดีกว่าค่ะ
  • ผลไม้ที่มีกำมะถัน : ผลไม้ที่มีกำมะถันเยอะ เช่น ทุเรียน สับปะรด อาจส่งผลให้คุณแม่แน่นท้อง และท้องอืดได้ง่าย หากรับประทานมากเกินไปก็ส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้นหากคุณแม่อยากรับประทานมากจริง ๆ ให้รับประทานน้อย ๆ อย่ากินเยอะมากเกินไปนะคะ
  • ผลไม้สุก หรือหวานจัด : ผลไม้สุกนั้น มักมีรสชาติที่หวานจัด และให้น้ำตาลค่อนข้างสูง หากคุณแม่รับประทานมากเกินไป ก็อาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงได้ โดยเฉพาะผู้ที่ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ก็ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยผลไม้จำพวกนี้ ตัวอย่างเช่น มะม่วงสุก ขนุน ลำไย และทุเรียน เป็นต้น
  • ผลไม้ที่ให้วิตามิน และสารอาหารมากเกินไป : หากคุณแม่รับประทานผลไม้ที่ให้วิตามินมากเกินไป ก็อาจส่งผลให้สารอาหารเหล่านั้น ไปยับยั้งต่อการผลิตฮอร์โมนช่วงตั้งครรภ์ได้ โดยผลไม้ดังกล่าว เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด ดังนั้นหากคุณแม่อยากรับประทานมาก ๆ ควรรับประทานแก่พอดี เพราะหากรับประทานมากเกินไปก็อาจส่งผลต่อระบบการดูดซึมอาหาร จนทำให้เกิดอาการท้องอืดขณะตั้งครรภ์ได้

เคล็ดลับการรับประทานผลไม้คนท้อง

สำหรับคุณแม่ที่ต้องการรับประทานผลไม้ตามที่ต้องการ สามารถใช้เคล็ดลับดังต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้รับประทานได้มากขึ้น

  • วางผลไม้ไว้ใกล้ตัว : คุณแม่สามารถล้างผลไม้ และวางไว้ในชามใกล้ ๆ ตัว เพื่อรับประทานเป็นของว่าง และสะดวกต่อการหยิบจับได้ง่ายขึ้น
  • นำไปปรุงเป็นอาหาร : คุณแม่สามารถนำผลไม้ทำเป็นอาหารได้ เช่น สลัดผลไม้ หรือของว่างต่าง ๆ เพื่อช่วยให้รับประทานได้มากขึ้น และไม่เบื่อเร็ว
  • รับประทานกับโยเกิร์ต และน้ำสลัด : นอกจากการนำไปทำเป็นอาหารแล้ว คุณแม่อาจรับประทานคู่กับโยเกิร์ต หรือน้ำสลัดง่าย ๆ เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติ และเพิ่มโปรตีนได้มากขึ้น
  • ทำน้ำปั่น : หากคุณแม่เบื่อการรับประทานเปล่า ๆ คุณแม่สามารถนำไปทำเป็นน้ำปั่น หรือน้ำผลไม้แทนได้
  • รับประทานผลไม้หลาย ๆ อย่าง : การรับประทานผลไม้หลากหลายชนิด ช่วยให้คุณแม่ได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน ทั้งนี้คุณแม่สามารถรับประทานผลไม้ที่หลากหลาย และควรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินเยอะขึ้นเพราะอะไร กินแบบไหนถึงไม่อ้วน ?

ผลไม้

ข้อควรระวังในการรับประทานผลไม้ขณะตั้งครรภ์

หากคุณแม่ต้องการรับประทานผลไม้สด ก็ควรล้างให้สะอาดก่อน เพื่อป้องกันเชื้อโรค และสารตกค้างต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ แต่หากคุณแม่อยากดื่มน้ำผลไม้ คุณแม่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจมีแบคทีเรียปนเปื้อนได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรดื่มน้ำผลไม้ที่บรรจุในขวด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายค่ะ

ในช่วงตั้งครรภ์นั้น เรื่องอาหารการกินเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับคุณแม่มาก โดยเฉพาะการรับประทานผลไม้ เนื่องจากผลไม้นั้น มีประโยชน์แก่ร่างกายคุณแม่เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยบำรุงครรภ์ให้แข็งแรงอีกด้วย เพราะฉะนั้นหากคุณแม่อยากรับประทานผลไม้คนท้อง ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นนะคะ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เอง และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม ขิงแบบไหนให้ดีต่อแม่ท้อง

คนท้องกินตำลึง ได้หรือไม่ ช่วยเพิ่มน้ำนมได้จริงหรือ

เบาหวานขณะตั้งครรภ์ อันตรายอย่างไร เสี่ยงต่อลูกในท้องหรือไม่?

ที่มา : 1, 2, 3, 4