เพราะการป่วยของผู้ชายมีได้หลายสาเหตุ รวมไปถึงอาการ ต่อมลูกหมากอักเสบ อาการที่ทำให้ปัสสาวะบ่อย ที่ผู้ชายหลายคนปล่อยทิ้งไว้ ไม่รับการรักษา จนกลายเป็นความเจ็บป่วยระยะยาว จนเกิดเป็นภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมาได้ง่าย และเพื่อไม่ให้ละเลยมากจนเกินไป วันนี้ Mamastory จะพาไปรู้จักกับอาการนี้ให้มากขึ้น เพื่อลดความเข้าใจผิด และเป็นตัวช่วยไม่ให้เจ็บป่วยไปมากกว่านี้ หากพร้อมแล้วไปอ่านพร้อมกันที่ด้านล่างได้เลยค่ะ !
ต่อมลูกหมากอักเสบ คืออะไร ?
โรคต่อมลูกหมากอักเสบ หรือ Prostatitis เป็นการอักเสบหรือติดเชื้อ ที่เกิดขึ้นบริเวณต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ใกล้กับระบบทางเดินปัสสาวะ โดยทำหน้าที่สร้างสารที่เป็นของเหลวประมาณ 30% ของน้ำอสุจิ โรคนี้พบได้ในผู้ชายทุกกลุ่มอายุ แต่จะพบบ่อยในอายุประมาณ 50 ปี หรือน้อยกว่านั้น ส่งผลให้มีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ ปวดอวัยวะเพศ อัณฑะ ขาหนีบ และบริเวณใกล้เคียง อาจเกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และการบาดเจ็บ
ประเภทของต่อมลูกหมากอักเสบ
1. ต่อมลูกหมากอักเสบชนิดเฉียบพลัน
เป็นอาการรุนแรงที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ในระบบทางเดินปัสสาวะ ผ่านเข้าสู่ต่อมลูกหมาก โดยเป็นการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง จนกว่าที่จะรู้ตัว ก็เกิดการติดเชื้อที่ยากแก่การรักษา
2. ต่อมลูกหมากอักเสบชนิดเรื้อรัง
เป็นอาการอักเสบที่นานกว่า 3 เดือน โดยติดเชื้อจากแบคทีเรียเช่นกัน ไม่รุนแรงจนสังเกตเห็นได้ แต่จะมีความไม่สบายอยู่ตลอดเวลา หรือมีอาการปวดเรื้อรังจนน่ารำคาญ บริเวณเชิงกรานหรือท้องน้อยส่วนล่าง
บทความที่เกี่ยวข้อง : มะเร็งต่อมลูกหมาก ตรวจพบเร็วรักษาหายได้ อย่าปล่อยให้สายเกินแก้ !
3. ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง แบบไม่ทราบสาเหตุ
ผู้ป่วยประเภทนี้ มักจะมีอาการเรื้อรัง แต่จะตรวจไม่พบเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุการป่วยไม่แน่ชัด อาจเกิดได้จากทั้งภาวะภูมิต้านทานในร่างกายผิดปกติ หรือเกิดจากเชื้อที่ไม่ใช่กลุ่มแบคทีเรีย
อาการต่อมลูกหมากอักเสบ
- ชนิดเฉียบพลัน : ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะบ่อยต้องเบ่ง บางรายอาจมีการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือปวดเอว หลัง และท้องน้อยร่วมด้วย
- ชนิดเรื้อรัง : ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะขัดและบ่อย ต้องออกแรงเบ่ง มีอาการปวดมวน ตึงที่ท้องน้อย บางรายจะมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง แต่ไม่มีไข้ โดยชนิดนี้มักเกิดการติดเชื้อเฉียบพลัน แต่ได้รับการรักษาไม่เพียงพอ และรักษาไม่ถูกวิธี
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคต่อมลูกหมากอักเสบ
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยต่อมลูกหมากอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่เล็ดลอดเข้าไปยังต่อมลูกหมาก ผ่านทางท่อปัสสาวะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยส่วนอื่น ที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะนี้ด้วย เช่น
- มีอายุระหว่าง 30 – 50 ปี
- มีประวัติเป็นต่อมลูกหมากอักเสบ
- เคยเข้ารับการตรวจต่อมลูกหมาก
- มีโรคประจำตัว หรือประวัติการเจ็บป่วย ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ภาวะท่อปัสสาวะผิดรูป โรคทางเพศสัมพันธ์
- เคยบาดเจ็บบริเวณท้องน้อย จากอุบัติเหตุและการทำกิจกรรม
- เป็นโรคต่อมลูกหมากโต
- ถูกทารุณทางเพศ
- มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
การวินิจฉัยโรค
สำหรับผู้ป่วยที่สงสัยว่า เป็นโรคต่อมลูกหมากอักเสบ จะต้องเข้ารับการตรวจ ด้วยการคลำต่อมลูกหมากจากทางทวารหนัก เพื่อดูขนาด รูปร่าง และการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีการตรวจปัสสาวะ เพื่อดูว่ามีการอักเสบจากระบบทางเดินปัสสาวะ หรือติดเชื้อจากต่อมลูกหมาก การนวดต่อมลูกหมากเพื่อตรวจสารคัดหลั่ง และเจาะเลือดเพื่อหาการติดเชื้อ
วิธีการรักษาต่อมลูกหมาก
- ใช้ยาปฏิชีวนะ
- รับประทานยารักษาตามอาการ
- พิจารณาตัดต่อมลูกหมาก
- พักผ่อน อาบน้ำอุ่น ดื่มน้ำมาก ๆ
- มีเพศสัมพันธ์ที่สม่ำเสมอ จะช่วยลดอาการอักเสบ
นอกจากนี้เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันของท่อปัสสาวะอักเสบ ฝีในต่อมลูกหมาก ภาวะมีบุตรยาก ติดเชื้อในกระแสเลือด หากมีอาการต่าง ๆ ตามข้อด้านบน หรือมีอาการต้องสงสัยว่าเป็นโรคดังกล่าว อย่าปล่อยทิ้งไว้ และให้ทำการตรวจรักษาอย่างถูกวิธี
ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า มีปัจจัยเสี่ยงอื่นหรือไม่ หรือเฉพาะเจาะจงใด ที่ทำให้เกิดการอักเสบของต่อมลูกหมาก จึงทำให้ไม่มีคำแนะนำในส่วนของการป้องกันแบบ 100% ส่วนในกรณีที่มีอาการแล้ว หลังการวินิจฉัยจากแพทย์แล้วพบว่า มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของท่อปัสสาวะ หรือความผิดปกติในการปัสสาวะ แพทย์จะพิจารณารักษาที่สาเหตุร่วมด้วย และทำการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยค่ะ !
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
มะเร็งอัณฑะ พบได้ไม่บ่อย แต่ถ้าพบแล้ว เป็นปัญหาหนักใจคุณผู้ชาย !
มะเร็งเต้านม โรคร้ายใกล้ตัวผู้หญิง สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา
มะเร็งปากมดลูก โรคร้ายที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต อันดับต้น ๆ ของหญิงไทย