ครั้งแรกที่ใครได้ลองกินหม่าล่า เชื่อเลยนะคะว่าเมนูนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติของหม่าล่าที่ค่อนข้างอร่อยจัดจ้าน แถมยังมีเครื่องเคียงอร่อย ๆ ให้เราได้ลองชิมมากมาย จึงไม่แปลกที่คุณแม่ท้องหลายคนอยากที่จะลองกินหม่าล่า ส่วนคุณแม่คนไหนที่กำลังตั้งคำถามอยู่ในใจว่า คนท้องกินหม่าล่าได้ไหม กินแล้วจะเป็นยังไงบ้าง มาดูกันเลยนะคะ
แม่ท้องกินหม่าล่าได้จริงหรือเปล่า?
หากกำลังพูดถึงเมนูนี้กันอยู่แล้วล่ะก็ ต้องบอกเลยนะคะว่าเมนูหม่าล่าเป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องสามารถกินได้ตามปกติเลยค่ะ แต่ในขณะเดียวกันนั้น หากใครที่อยากกินหม่าล่าให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเราก็อาจจะต้องพยายามกินหม่าล่าในช่วงที่ท้องไม่ว่าง และที่สำคัญคุณแม่อาจจะต้องพยายามเลือกหม่าล่าที่มีรสชาติไม่เผ็ดจนเกินไป เพราะสิ่งนี้อาจจะส่งผลข้างเคียงตามมาทีหลังได้ เอาเป็นว่าหม่าล่าเป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องสามารถกินได้ แต่ก็เป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่เราควรต้องระวังด้วยเช่นเดียวกันค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : แม่ท้องต้องรู้! คนท้องกินสลัดบ่อย ๆ ได้ไหม กินแล้วส่งผลอย่างไร?
เคล็ดลับ! เลือกกินหม่าล่าแบบไหนให้ดีต่อสุขภาพ
ไม่ว่าเราจะกินอะไรก็ตามในช่วงตั้งท้อง แน่นอนว่าคุณแม่ก็อาจจะต้องพยายามเลือกให้ดีที่สุด เพื่อที่สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นจะได้ส่งผลดีทั้งต่อตัวลูกและคุณแม่เอง ส่วนใครที่อยากรู้ว่าเราควรมีวิธีการเลือกกินหม่าล่าแบบไหนให้ดีต่อสุขภาพแล้วล่ะก็ เรามาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ
1. เลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
ก่อนอื่นเลยหากใครที่อยากกินหม่าล่าให้มีประโยชน์นั้น เราควรเลือกเนื้อสัตว์ประเภทที่ไม่ได้มีไขมัน หรือมีมันติดมาด้วย ซึ่งเราอาจจะต้องเลือกเป็นกุ้ง เนื้อปลา หรืออกไก่ เป็นต้น เพราะหากเมื่อไหร่ที่เราเลือกเนื้อสัตว์ที่ค่อนข้างติดมันมากิน สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้น้ำหนักขึ้นได้ง่าย ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินหนังไก่ได้ไหม กินแล้วดีต่อสุขภาพหรือเปล่า?
2. เลือกประเภทที่เป็นผัก
ในส่วนของการกินหม่าล่า เราก็อาจจะต้องเลือกกินหม่าล่าที่มีผักค่อนข้างเยอะกว่าเนื้อ ซึ่งผักโดยส่วนใหญ่เราก็อาจจะต้องเลือกผักที่ดีมีประโยชน์ตามไปด้วย เพื่อที่คุณแม่จะได้รับคุณค่าทางสารอาหารได้อย่างเต็มเปี่ยมนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินกะหล่ำปลีได้ไหม ผักที่แม่ต้องควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง?
3. ไม่ควรเติมเครื่องปรุงมากเกินไป
สิ่งสำคัญของการกินหม่าล่าต่อมาเลยคือ เราไม่ควรที่จะทำการปรุงหม่าล่า หรือใส่เครื่องปรุงลงไปเยอะจนเกินไป เพราะสิ่งนี้เป็นอะไรที่มีโซเดียมค่อนข้างสูง หากเมื่อไหร่ที่เราใส่เข้าไปเยอะ ๆ ผลที่ตามมาก็อาจจะทำให้เรากลายเป็นโรคอื่น ๆ ได้ง่ายเหมือนกัน
4. ควรเลือกกินน้ำเปล่าควบคู่ไปกับหม่าล่า
อย่างที่รู้กันดีค่ะว่าหม่าล่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างมีรสชาติค่อนข้างเผ็ดและจัดจ้าน เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ควรที่จะกินหม่าล่ากับน้ำหวาน หรือน้ำอัดลม แต่เราควรเลือกกินน้ำเปล่าจะดีกว่า เพราะเมื่อไหร่ที่เรายิ่งกินน้ำอัดลม หรือน้ำหวานเข้าไปนั้นสิ่งนี้ก็จะยิ่งส่งไม่ดีต่อร่างกาย หรือบางทีก็อาจจะทำให้เราอ้วนได้ง่าย
สิ่งที่ควรระวังในการกินหม่าล่าคืออะไร?
หม่าล่าเป็นหนึ่งในเมนูที่คุณแม่ท้องสามารถกินได้ แต่ในขณะเดียวกันคุณแม่ท้องก็อาจจะต้องพยายามระมัดระวังการกินหม่าล่าตามไปด้วย เพราะเมนูนี้หากเรากินได้ไม่ถูกวิธี ผลข้างเคียงที่ตามมาก็อาจจะส่งผลไม่ดีทั้งต่อแม่ท้องและเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องของเราได้เหมือนกัน หากใครพร้อมแล้วเรามาดูข้อควรระวังในการกินหม่าล่ากันเลยดีกว่า
1. ระวังโรคกรดไหลย้อน
อย่างที่เรารู้กันดีค่ะว่า การที่เรามีโรคประจำตัว หรือชอบกินเมนูอาหารที่ค่อนข้างมีรสชาติจัดจ้านหรือว่าเผ็ดกันอยู่แล้ว สิ่งนี้ก็ค่อนข้างที่จะทำให้เรากลายเป็นโรคกรดไหลย้อนขึ้นมาได้เลย เอาเป็นว่าใครที่กำลังมีอาการจุกเสียด หรือกำลังรู้สึกปวดท้องอยู่ในตอนนี้เราควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านไปก่อนนะคะ
2. เริ่มมีอาการเกี่ยวกับลำไส้
หากใครที่เริ่มกินเมนูอาหารที่ค่อนข้างเผ็ดมากขึ้น และยิ่งกินติดต่อกันอยู่บ่อย ๆ ต้องบอกว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นอะไรที่ทำให้คุณแม่เสี่ยงที่จะมีอาการลำไส้แปรปรวนมาก ๆ เท่านั้นยังไม่พออาการข้างเคียงที่ตามมาอีกก็อาจจะทำให้คุณแม่รู้สึกมีอาการท้องร่วง หรือท้องอืดเช่นเดียวกันนะคะ
3. เกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
สิ่งที่เราอาจจะต้องระวังต่อมาสำหรับใครที่ชอบกินอาหารเมนูเผ็ด ๆ นั้น บอกเลยนะคะว่าสิ่งนี้ก็เป็นอะไรที่ทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้เหมือนกัน ทางที่ดีหากใครที่ไม่อยากป่วยเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ เราควรหลีกเลี่ยงไปก่อนนะคะ
4. มีอาการเสียดบริเวณท้อง
หากคุณแม่คนไหนที่เริ่มรู้สึกว่าเรามีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกอยู่แล้วล่ะก็ บอกเลยว่าอาการเหล่านี้ก็อาจจกำลังบ่งบอกว่าเรามีกำลังมีอาการเสียดบริเวณท้องอยู่นั่นเอง เอาเป็นว่าหากใครที่ไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เราควรที่จะต้องระวังในเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้นนะคะ
วิธีการทำหม่าล่ากินเอง ทำยังไงดี?
วัตถุดิบและส่วนผสม
- กุ้งขาว 20 ตัว
- สะโพกไก่หั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
- หมูสันคอหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
- เนื้อสันแหลมหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
- หอมหัวใหญ่ 1 หัว
- เห็ดออรินจิ 50 กรัม
- กระเจี๊ยบ 4 ฝัก
- ถั่วฝักยาว 4 ฝัก
- ต้นหอมญี่ปุ่น 1/2 หัว
- พริกชี้ฟ้าเขียว 1 หัว
ขั้นตอนการทำหม่าล่า
1. อย่างแรกเลยให้เราทำการหั่นวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ อาทิเช่น เนื้อ และผักชนิดต่าง ๆ เตรียมไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนการหั่นนั้น เราจะทำการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดี และสามารถนำมาเสียบไม้ได้
2. จากนั้นให้เรานำวัตถุดิบที่เป็นพริก พริกไทยดำ ขิง กระเทียม และผงพะโล้มาทำการโขลกรวมกันจนกลายเป็นเนื้อละเอียดตามที่ต้องการ
3. ขั้นตอนต่อมาให้เรานำส่วนผสมที่ผ่านการโขลกมาเรียบร้อยนั้น มาทำการผสมลงไปกับซอสฮอยซิน น้ำมันมะกอก น้ำตาลทรายแดง และซีอิ๊วขาว จากนั้นทำการคนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันได้ดี เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เรานำส่วนผสมที่ได้พักทิ้งไว้ก่อน
4. หลังจากนั้นให้เรานำซอสหม่าล่าที่ผ่านการผสมเรียบร้อยแล้วนั้น มาทำการคลุกเคล้าลงไปกับวัตถุดิบที่เป็นเนื้อสัตว์ที่เราเตรียมไว้ เมื่อทำการคลุกเคล้าเรียบร้อยแล้วนั้น ให้เรานำเนื้อสัตว์ที่ได้มาทำการเสียบไม้ พร้อมกับนำไปแช่ทิ้งไว้ในตู้เย็นเป็นเวลาประมาณ 30 นาที ในส่วนของผักไม่ต้องทำการคลุกเคล้าลงในส่วนผสมนะคะ เพียงแค่เราทำการเสียบไม้ทิ้งไว้ได้เลย
5. ต่อมาให้เราทำการตั้งกระทะทิ้งไว้ให้ร้อน พร้อมกับนำเนื้อสัตว์ที่เราเตรียมไว้มาทำการปิ้งลงในกระทะได้เลย ซึ่งขั้นตอนการปิ้งเราไม่ควรใช้ไฟแรงจนเกินไปนะคะ ให้ใช้ไฟอยู่ในระดับที่กำลังพอดี จากนั้นก็ให้นำผักที่เสียบไม้แล้วมาทำการปิ้งตามได้เลย
6. เมื่อกลิ่นเนื้อเริ่มหอมและสุกจนได้ที่ รวมถึงผักที่เรานำไปย่างเริ่มสุก เพียงเท่านี้เราก็สามารถจัดหม่าล่าใส่จานพร้อมเสิร์ฟความอร่อยได้แล้วล่ะค่ะ
บอกเลยนะคะว่าเมนูหม่าล่าที่เราได้นำมาฝากคุณแม่ในวันนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตและคนส่วนใหญ่ค่อนข้างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เอาเป็นว่าคุณแม่คนไหนที่อยากกินเมนูหม่าล่าในช่วงตั้งท้อง เราก็อาจจะเลือกกินรสชาติที่ไม่ได้เผ็ดมากและที่สำคัญก็อาจจะเลือกกินในปริมาณที่เหมาะสมตามไปด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่มีอันตรายตามมาทีหลังนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องเลี้ยงแมวได้ไหม ถ้าอันตรายสูง แล้วจะอยู่ยังไงให้แฮปปี้
คนท้องกินแกงขี้เหล็กได้ไหม ผักชนิดนี้กินแล้วดีอย่างไร?
คนท้องกินปูอัดได้ไหม ปูอัดคือสิ่งที่มีประโยชน์หรือเปล่า?
ที่มา : 1, 2