เมื่อใกล้ถึงวันกำหนดคลอด คุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีเรื่องให้กังวลใจไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมตัวคลอด การเตรียมสุขภาพร่างกาย และอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ ของลูกน้อย คุณแม่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง วันนี้ Mama Story จะพาคุณแม่ไปดูวิธีการเตรียมตัวก่อนคลอด และสิ่งของที่คุณแม่ต้องเตรียมสำหรับลูกน้อยเพื่อลดความวุ่นวายให้มากที่สุด พร้อมแล้ว ไปติดตามกันค่ะ
10 วิธีการเตรียมตัวก่อนคลอด
ยิ่งใกล้ช่วงใกล้คลอด คุณแม่ควรเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด เพื่อจะช่วยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และปัญหาต่าง ๆ เรามาดูวิธีการเตรียมตัวก่อนคลอดกันเลยดีกว่า
1. วางแผนการเงิน
สิ่งแรกที่คุณแม่ควรเตรียมไว้เลย คือ การวางแผนเรื่องการเงิน เพราะเมื่อมีลูกก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก ยิ่งเป็นคุณแม่มือใหม่แล้ว ต้องวางแผนให้ดีว่าจะเตรียมเงินในการดูแลลูกหลังคลอด หรือช่วงลาคลอดอย่างไร เพราะการมีเงินฉุกเฉินเตรียมไว้ ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น คุณแม่อย่าลืมวางแผนเรื่องการเงินให้ดีนะคะ เพราะอาจมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ทันคาดคิดเข้ามาเรื่อย ๆ
2. เรียนรู้เรื่องการคลอดบุตร
คุณแม่ควรเรียนรู้ขั้นตอนการคลอดลูก เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ เพื่อที่จะได้ช่วยให้คุณแม่เข้าใจการคลอด เทคนิคการหายใจ และการผ่อนคลาย วิธีจัดการความเจ็บปวด หรือรู้จักอุปกรณ์ในการผ่าตัด โดยคุณแม่อาจศึกษาจากวิดีโอที่น่าเชื่อถือ หรือเข้าร่วมคลาสที่เปิดสอนในเรื่องการเตรียมตัวคลอด เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้คอยให้ความรู้ และตอบคำถามที่คุณแม่อาจสงสัยเกี่ยวกับการคลอดบุตร
3. เตรียมของใช้สำหรับทารก
แน่นอนว่าเมื่อลูกน้อยใกล้คลอด คุณแม่ควรซื้อของใช้ทารกที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่อตัวลูก เสื้อผ้าเด็ก ผ้าอ้อม เครื่องนอน เปลนอน เป้อุ้ม ขวดนม ผง ที่ปั๊มนม และเครื่องใช้อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเมื่อคุณแม่ซื้อของใช้มาแล้ว ควรตรวจสอบวิธีใช้ และซักทำความสะอาดสิ่งของต่าง ๆ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อย นอกจากนี้ ของใช้บางอย่างอาจจำเป็นต้องซื้อใช้เรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงควรมีสต๊อกของไว้ เพื่อไม่ต้องออกไปซื้อบ่อย ๆ ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เอกสารและขั้นตอน ไปฝากครรภ์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร และควรรู้อะไรบ้าง!
4. วางแผนเรื่องลาคลอด
สำหรับคุณแม่ที่ทำงานประจำ อาจจำเป็นต้องทำเรื่องลาคลอดด้วย ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีนโยบายที่แตกต่างกันไป ดังนั้น คุณแม่จึงควรศึกษาเรื่องการลาคลอดให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่กระทบต่อการทำงาน หากคุณแม่ได้ทำเรื่องลาคลอดไว้แล้ว อย่าลืมวางแผนเรื่องงานกันด้วยนะคะ เพื่อที่ส่งต่องานกันอย่างเรียบร้อย ไม่ต้องมีปัญหาในภายหลัง
5. ทำความสะอาดบ้าน
เวลาที่คุณแม่พาลูกน้อยกลับบ้าน อาจไม่มีเวลาในการทำความสะอาดบ้าน ดังนั้น คุณแม่อย่าลืม Big Cleaning ล่วงหน้าเลยนะคะ ยิ่งในช่วงสถานการณ์ Covid-19 แบบนี้ อาจมีเชื้อไวรัสปนเปื้อนมากับเสื้อผ้า และอากาศ นอกจากนี้ ยังอาจมีฝุ่น PM มารบกวนอีกด้วย เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงควรทำความสะอาดบ้าน เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ เพื่อทำการฆ่าเชื้อก่อนพาลูกน้อยกลับบ้าน
6. พูดคุยกับลูกคนโต
หากคุณแม่มีลูกคนโต อาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจในด้านต่าง ๆ ก่อนการคลอดลูกคนเล็ก เพราะเด็กอาจยังไม่เข้าใจเมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาในครอบครัว รวมทั้งหากคุณแม่มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน ก็จำเป็นต้องแยกห้องไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน อย่าปล่อยให้ลูกอยู่ลำพังกับสัตว์เลี้ยง เพราะหมาแมวมีขนเยอะ อาจเป็นอันตรายแก่ลูกน้อยได้ นอกจากนี้ คุณแม่อาจต้องระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงปีนเข้าไปในเปลเด็ก เพราะอาจไปทับตัวลูกน้อยได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : สรุป สิทธิประกันสังคมแม่ท้อง ปี 2565 สิทธิไหนที่คุณแม่ต้องรู้!
7. หาคนช่วยแบ่งเบาภาระ
ในช่วงแรก ๆ หลังคลอด คุณแม่จำเป็นต้องมีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระต่าง ๆ โดยคุณแม่อาจจ้างผู้ช่วยมาทำความสะอาดบ้าน ดูแลสัตว์เลี้ยง หรือจ้างพี่เลี้ยงเด็กเพื่อดูแลลูกคนอื่น ๆ ซึ่งการหาคนมาช่วยแบ่งเบาภาระนั้น จะช่วยให้คุณแม่เหนื่อยน้อยลง และมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น หากคุณแม่มีความกังวลในเรื่องหาผู้ช่วย อาจให้คุณพ่อ หรือญาติมาช่วยดูแลได้นะคะ
8. อย่าลืมซื้อคาร์ซีท
ปัจจุบันมีกฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็ก ดังนั้น คุณแม่อย่าลืมนะคะว่าการซื้อคาร์ซีทเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะเป็นการทำตามข้อกฎหมายแล้ว ยังเป็นการเซฟความปลอดภัยของลูกน้อยด้วย คุณแม่อย่าลืมว่าเมื่อพาลูกกลับบ้านแล้ว ไม่ใช่จะจบเพียงแค่นั้นนะคะ คุณแม่จำเป็นต้องพาลูกไปพบแพทย์ ฉีดวัคซีน และทำกิจกรรมนอกบ้าน เพราะฉะนั้น การลงทุนซื้อคาร์ซีทดี ๆ นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยแล้ว ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกน้อยตลอดการเดินทางอีกด้วย
9. ศึกษาเส้นทางไปโรงพยาบาล
คุณแม่ควรวางแผนการเดินทางไปโรงพยาบาลให้สะดวกสบาย และปลอดภัย โดยอาจมองหาโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลที่สะดวกต่อการเดินทาง รวมทั้งควรตรวจสมรรถรถยนต์ และเติมน้ำมันให้พร้อมเสมอ นอกจากนี้ อาจปรึกษาเพื่อนบ้านไว้ก่อน เพื่อเตรียมไว้เป็นแผนสำรองฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ขัดข้อง คุณแม่ควรพยายามหลีกเลี่ยงการโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ให้พยายามเตรียมความพร้อมด้วยตัวเองก่อนนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 7 สัญญาณเตือนก่อนคลอด มีอาการอะไรบ้างที่คุณแม่ห้ามพลาด
10. จัดกระเป๋าเตรียมคลอด
วิธีการเตรียมตัวก่อนคลอดข้อสุดท้าย คือ การจัดกระเป๋าเตรียมคลอด เพราะคุณแม่อาจไม่แน่ใจเลยว่าลูกจะมาก่อนวันกำหนดคลอดหรือเปล่า ทางที่ดีควรจัดกระเป๋าล่วงหน้าไว้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ เพื่อที่จะได้เตรียมไว้ไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว โดยสิ่งของที่คุณแม่ควรเตรียมไว้ เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดฝากครรภ์ เสื้อชั้นใน ของใช้ส่วนตัว และเอกสารต่าง ๆ เป็นต้น รวมทั้งสิ่งของที่เตรียมสำหรับลูก เช่น ชุดนอนทารก ผ้าห่อตัว หมวก ผ้าอ้อม สำลี ทิชชู่เปียก และเสื้อผ้าสำหรับเด็ก
เป็นอย่างไรกันบ้าง ตอนนี้คุณแม่ก็คงทราบกันแล้วว่ามีอะไรที่ต้องเตรียมพร้อมบ้าง เพราะฉะนั้นคุณแม่อย่าลืมเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ นะคะ เพื่อให้พร้อมรับมือกับการคลอดตลอดเวลา ทั้งนี้คุณแม่อาจไปสอบถามข้อมูลกับทางโรงพยาบาลก่อนนะคะ เพราะสิ่งของบางอย่างทางโรงพยาบาลอาจมีเตรียมไว้ให้แล้ว เพื่อที่คุณแม่จะได้วางแผนต่อไปว่าต้องนำอะไรไปบ้าง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เจ็บท้องคลอด สัญญาณเตือนที่คุณแม่หลายคนควรรู้!
คลอดธรรมชาติดีอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะคลอดแบบธรรมชาติได้?
ผ่าคลอดแล้ว ท้องต่อไปจะต้องผ่าอีกไหม ครรภ์แบบไหนต้องผ่าคลอด?