คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม กินเมนูนี้บ่อย ๆ จะอ้วนหรือเปล่า?

เมนูแกงเขียวหวานเป็นเมนูที่ใคร ๆ ก็บอกว่าอร่อย ด้วยรสชาติที่เข้มข้น ประกอบกับวัตถุดิบที่น่าสนใจอีกมากมาย ทำเอาใครหลายคนชอบกินเมนูนี้เป็น 

 733 views

เมนูแกงเขียวหวานเป็นเมนูที่ใคร ๆ ก็บอกว่าอร่อย ด้วยรสชาติที่เข้มข้น ประกอบกับวัตถุดิบที่น่าสนใจอีกมากมาย ทำเอาใครหลายคนชอบกินเมนูนี้เป็นอย่างมาก หากคุณแม่ท้องคนไหนที่กำลังสงสัยว่า คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม กินแล้วจะส่งผลกระทบอะไรต่อลูกน้อยหรือเปล่า มาทำความเข้าใจเมนูแกงเขียวหวานไปพร้อมกันเลยค่ะ



แม่ต้องรู้! คนท้องกินแกงเขียวหวานได้หรือเปล่า

จากหลายคนถามที่คุณแม่ท้องชอบสงสัยกันอยู่บ่อย ๆ หนึ่งในนั้นคือ คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม ขอบอกคุณแม่เลยนะคะว่าเมนูแกงเขียวหวานเป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องสามารถกินได้ตามปกติเลย ซึ่งในขณะที่คุณแม่กินนั้นอาจจะต้องกินหลังจากที่ทำเสร็จใหม่ ๆ และควรปรุงให้อยู่ในรสชาติกลาง ๆ ไม่เผ็ดหรือไม่หวานจนเกินไป เพื่อที่เราจะได้กินเมนูที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นด้วยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินต้มเล้งได้ไหม เมนูสุดแซ่บที่ใคร ๆ ก็อยากลอง!



ประโยชน์ของเมนูแกงเขียวหวานที่เราอาจจะยังไม่เคยรู้!

เมนูแกงเขียวหวานน่าจะเป็นเมนูที่ใครหลายคนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ดีไม่ดีอาจจะเป็นเมนูที่คุณแม่กำลังโปรดปรานอยู่ก็เป็นได้ หากใครที่อยากรู้ว่าการที่เราเลือกกินเมนูนี้ในช่วงของการตั้งครรภ์ สิ่งที่เรากินเข้าไปนี้จะส่งผลดีต่อร่างกายเราในเรื่องไหนบ้าง เอาเป็นว่าเรามาดูคุณประโยชน์ของวัตถุดิบต่าง ๆ ไปพร้อมกันเลยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินข้าวซอยได้ไหม เมนูอร่อยขึ้นชื่อในภาคเหนือ!



คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม


1. เนื้อไก่

มาดูที่วัตถุดิบชนิดแรกก่อนเลย ต้องบอกว่าเนื้อไก่เป็นเนื้อสัตว์ที่ค่อนข้างส่งผลดีต่อร่างกายของเรามาก ๆ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่สำคัญมากมายเลย และเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินเนื้อไก่เข้าไป สิ่งนี้ก็จะเข้ามาช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยนะคะ



2. พริกแกง

สำหรับการกินพริกแกง สิ่งนี้จะเข้ามาช่วยขับลมในร่างกายของเรา อีกทั้งยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายของเราทำงานได้อย่างเป็นปกติมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เลยล่ะค่ะ



3. มะเขือเปราะ

ต้องบอกว่ามะเขือเปราะก็เป็นอะไรที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งคุณประโยชน์ของมะเขือเปราะสิ่งนี้จะช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวานให้กับเราได้ แถมยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายของเราได้ดีอีกด้วยนะคะ หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เราก็อาจจะหันมากินมะเขือเปราะกันมากขึ้นนะคะ



4. ใบโหระพา

ใบโหระพาที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้ นอกจากจะเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูอาหารของเราแล้วนั้น ใบโหระพายังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา ทำให้คุณแม่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ตามไปด้วย เท่านั้นยังไม่พอการกินใบโหระพายังช่วยป้องกันโรคหัวใจให้กับเราได้ด้วยนะคะ



5. ใบมะกรูด

การที่เรากินใบมะกรูดเข้าไป นอกจากความหอมของใบมะกรูดที่เราสัมผัสได้แล้วนั้น ใบมะกรูดยังมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยลดอาการไอ และขับเสมหะในร่างกายของเราได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว



6. กะทิ

กะทิเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่มีประโยชน์ไม่น้อยเลยนะคะ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินกะทิเข้าไป สิ่งนี้ก็จะเข้ามาช่วยป้องกันการติดเชื้อจุลินทรีย์ และเชื้อไวรัสชนิดต่าง ๆ แถมยังช่วยกระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเราให้ดีขึ้นได้อีกด้วย



เคล็ดลับ! การกินแกงเขียวหวานยังไงให้ได้ประโยชน์

สำหรับการกินแกงเขียวหวานในทุก ๆ ครั้ง นอกจากความอร่อยที่เราจะได้ลิ้มลองไปแล้วนั้น ต้องบอกเลยนะคะว่าเมนูนี้ก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราได้เหมือนกัน ว่าแต่เราควรต้องกินแกงเขียวหวานยังไงให้ได้ประโยชน์มากที่สุด มาดูกันเลยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินวาฟเฟิลได้ไหม ขนมชนิดนี้กินแล้วอันตรายหรือเปล่า?



คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม



1. เลือกซื้อวัตถุดิบที่สดใหม่

หากคุณแม่มีแพลนที่จะทำเมนูแกงเขียวหวานไว้กินที่บ้าน สิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญเลย คุณแม่อาจจะต้องพยายามเลือกซื้อวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ และได้คุณภาพนะคะ เราไม่ควรซื้อวัตถุดิบที่นานมาแล้ว หรือเป็นวัตถุดิบที่ใกล้จะหมดอายุ เพราะสิ่งนี้อาจจะส่งผลกระทบอื่น ๆ ตามมา และอาจจะทำให้รสชาติแกงเขียวหวานไม่อร่อยขึ้นมาได้



2. กินร้อน ๆ ทำเสร็จใหม่ ๆ

สำหรับการกินแกงเขียวหวานให้ได้ประโยชน์และอร่อยมากที่สุด เราควรที่จะต้องกินตอนที่ทำเสร็จใหม่ ๆ รวมถึงแกงเขียวหวานยังมีความมีความร้อนอยู่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำเสร็จแล้วและปล่อยไว้นาน ๆ สิ่งที่ตามมาก็อาจจะทำให้แกงเขียวหวานไม่อร่อย และเกิดการปนเปื้อนได้



3. กินในปริมาณที่เหมาะสม

จากนั้นเราอาจจะต้องดูในเรื่องของปริมาณการกินตามไปด้วยนะคะ ถึงแม้แกงเขียวหวานจะเป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องสามารถกินได้ แต่อย่างไรก็ตามเราก็อาจจะต้องพยายามกินเมนูนี้ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมมากที่สุด เพราะบางครั้งหากเรากินเมนูนี้เดิม ๆ ซ้ำ ๆ ผลที่ตามมาก็อาจจะทำให้คุณแม่ขาดสารอาหารอย่างอื่นที่สำคัญได้เลย



เมนูแกงเขียวหวานไก่

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • พริกแกงเขียวหวาน 70 กรัม
  • เนื้อสะโพกไก่ 300 กรัม
  • หางกะทิ 400 มิลลิลิตร
  • หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร
  • มะเขือพวง 50 กรัม
  • มะเขือเปราะหั่น 100 กรัม
  • พริกชี้ฟ้าแดงซอย 2 เม็ด
  • ใบมะกรูด 3 ใบ
  • ใบโหระพา 15 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • แกงเขียวหวานไก่



คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม


ขั้นตอนการทำ

1. มาดูกันที่ขั้นตอนแรกกันก่อนเลย ให้เราทำการตั้งกระทะให้เดือดจากนั้นใส่หัวกะทิที่เตรียมไว้ลงไปได้เลย ทำการเคี่ยวหัวกะทิไปเรื่อย ๆ เมื่อหัวกะทิเริ่มเดือดได้ที่ให้เราใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปเคี่ยวอีกรอบ เมื่อแกงเขียวหวานเริ่มมีกลิ่นหอม ให้เราลดระดับไฟลง พร้อมกับใสเนื้อไก่ที่เตรียมไว้ลงไปได้เลยนะคะ



2. เมื่อเราใส่เนื้อไก่ลงไปเรียบร้อยแล้ว ให้เราทำการคนเนื้อไก่และส่วนผสมไปเรื่อย ๆ จนเนื้อไก่เริ่มสุกได้ที่ จากนั้นให้เราใส่หางกะทิลงไป พร้อมกับทำการปรุงรสด้วยการใส่น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาลงไป พร้อมกับคนส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน



3. เมื่อเราได้รสชาติที่ชื่นชอบแล้วนั้น ให้เราใส่ใบโหระพา มะเขือเปราะ พริก  และใบมะกรูดลงไป จากนั้นก็คนส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากันอีกรอบ พร้อมกับทำการต้มไปเรื่อย ๆ จนวัตถุดิบต่าง ๆ เริ่มสุกได้ที่



4. หลังจากนั้นให้เราทำการตักแกงเขียวหวานที่ได้ใส่ลงในภาชนะ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ เพียงเท่านี้เราก็จะได้กินแกงเขียวหวานที่อร่อยลงตัวแล้วล่ะค่ะ



เป็นยังไงกันบ้างคะ จากที่เราได้พาทุกคนมาทำความรู้จักกับเมนูแกงเขียวหวานมากขึ้นแล้วนั้น ต้องบอกว่าเมนูนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความอร่อย แต่ยังมีคุณประโยชน์ดี ๆ อีกมากมายที่คุณแม่ไม่ควรมองข้ามเลย หากใครที่ไม่รู้ว่าจะกินอะไรในช่วงของการตั้งครรภ์ดี เราก็อาจจะลองกินเมนูนี้ดูสักครั้งนะคะ บอกเลยว่าจะต้องหลงรักเมนูนี้ขึ้นมาเลยทีเดียว


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องกินสปาเกตตี้ได้ไหม กินมากไปเสี่ยงอันตรายต่อลูกในท้องหรือเปล่า?
คนท้องกินทองหยิบทองหยอดได้ไหม ขนมไทยที่ใครหลายคนชอบกิน!
คนท้องกินผัดไทยได้ไหม กินแล้วดีอย่างไร? มาดูกัน
ที่มา : 1, 2